เชื่อว่าท่านผู้อ่านชาวเกษตรอินทรีย์ทุกท่านน่าจะเคยทานพื้นที่ให้ผลสีแดงอย่าง มะเขือเทศ กันแน่นอน รู้กันหรือไม่ว่ามะเขือเทศมีส่วนช่วย ลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งที่อวัยวะต่างๆ และที่ชัดเจนที่สุด คือ มะเร็งต่อมลูกหมาก รองลงมา คือมะเร็งปอด กระเพาะอาหาร นอกจากนี้ก็ยังแสดงให้เห็นประโยชน์ของการได้รับไลโคปีน ในการลดความเสี่ยงของมะเร็งตับ อ่อน ลำไส้ใหญ่ ทวารหนัก คอหอย ช่องปาก เต้านม ปาก อีกด้วย
การปลูกมะเขือเทศทำได้อย่างไร
สำหรับการปลูกมะเขือเทศนั้นทางเว็บไซต์เกษตรอินทรีย์หยิบมาแนะนำกัน 2 วิธีดังนี้
1. เพาะกล้าแล้วย้ายปลูก โดยเตรียมแปลงกล้าอย่างประณีต ยกแปลงสูงประมาณ 1 คืบ นำปุ๋ยคอก หรือ ปุ๋ยหมักมาคลุกเคล้าประมาณ 1 – 2 บุ้งกี๋ ต่อ 1 ตารางเมตร ใช้เมล็ดประมาณ 30 – 40 กรัม หยอดลงบนแปลงยาว 10 เมตร กว้าง 1 เมตร จะได้ต้นกล้าพอสาหรับปลูกในพื้นที่ 1 ไร่ การหยอดเมล็ด ควรหยอดเป็นแถวห่างกันประมาณ 10 ซม. ลึกไม่เกิน 1 ซม. เมื่อหยอดเมล็ดแล้วกลบด้วยดินผสมปุ๋ยหมัก และคลุมแปลงด้วยฟางข้าว หรือ หญ้าแห้งบางๆ ในช่วง 3 วันแรก รดน้าสม่าเสมออย่าให้ผิวหน้าดินแห้ง และถ้าแดดจัดหรือฝนตกหนักต้องคลุมแปลงด้วยผ้าไนล่อนหรือผ้าพลาสติก เพื่อป้องกันเม็ดฝนกระแทกลาต้นหรือใบเป็นรอยซ้า ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่างๆ ได้ง่าย โรคที่สาคัญในแปลงกล้า คือ โรคโคนเน่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ ฝนตกติดต่อกัน ความชื้นในอากาศและที่ผิวดินสูง ป้องกันโดยนาเศษฟางหรือหญ้าที่ใช้คลุมแปลงออกให้หมด เพื่อให้แปลงกล้าโปร่งและการระบายอากาศดี แล้วฉีดพ่นด้วยยากันรา ในช่วงที่กล้ามะเขือเทศอายุประมาณ 17 – 22 วัน ควรลดปริมาณน้าที่ให้ลง และให้กล้าได้รับแสงแดดอย่างเต็มที่ ต้นกล้าจะแข้งแรง เหนียว ไม่อวบฉ่าน้า ซึ่งมีผลให้กล้ารอดตายมาก หลังจากย้ายกล้า โดยทั่วไปการย้ายกล้าลงแปลงปลูกมักจะใช้กล้าอายุประมาณ 21 – 25 วัน หลังจากหยอดเมล็ดหรือเมื่อกล้ามีใบจริง 3 – 4 ใบ
2. หยอดเมล็ดลงแปลงปลูกโดยตรง ใช้ในกรณีที่สามารถให้น้ำได้ง่าย แต่จะเสียเวลาและแรงงาน ในการดูแลรักษามากกว่า อีกทั้งต้องใช้เมล็ดพันธุ์มากขึ้นเป็น 80 – 100 กรัม ต่อไร่ สาหรับระยะปลูกที่เหมาะสม ควรใช้ระยะระหว่างแถว 1 เมตร ระยะระหว่างต้น 25 – 50 ซม. ปลูก 1 ต้น ต่อ หลุม ถ้าใช้ระยะปลูกแคบจะได้ผลผลิตต่อ พื้นที่มากขึ้น แต่การควบคุมโรคและการปฏิบัติงานอื่น จะยุ่งยากขึ้นด้วย ในฤดูแล้งควรปลูกถี่ ส่วนในฤดูฝนควรใช้ระยะปลูกห่าง เนื่องจากมะเขือเทศเจริญเติบโตดี มีทรงพุ่มสูงใหญ่กว่าฤดูอื่นๆ
ประโยชน์ด้านอื่นๆของมะเขือเทศ
– ผลมีรสเปรี้ยวช่วยดับกระหายทาให้เจริญอาหาร บารุงและกระตุ้นกระเพาะอาหาร ลาไส้ ไต ให้ทางานได้ดีด้วยช่วยขับพิษและสิ่งคั่งค้างในร่างกายเป็นยาระบายอ่อน ๆ และเหมาะที่จะเป็นอาหารสาหรับคนเป็นโรคนิ่ว วัณโรค ไทฟอยด์ หูอักเสบ และเหยื่อตาอักเสบ ให้รับประทานผลสดลดอัตราการเกิดโรคมะเร็งในลำไส้ และมะเร็งต่อมลูกหมาก โดยรับประทานมะเขือเทศเป็นประจำ
– ผิวหนังที่โดนแดดเผา โดยใช้ใบตาให้ละเอียดทาบริเวณที่เป็นและโดนแดดเผามา
– นำราก ลาต้น และใบแก่ต้มกับน้ารับประทานแก้อาการปวดฟัน
– ช่วยลดการแข็งตัวของผนังหลอดเลือด รักษาโรคลักปิดลักเปิด เลือดออกตามไรฟัน ช่วยบำรุงสายตา และช่วยย่อยอาหาร ลดความดันโลหิต และช่วยบรรเทาอาการป่วยของผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง และโรคตับอักเสบ โดยรับประทานมะเขือเทศสุกเป็นประจำ
– คั้นน้ำมะเขือเทศสุกหรือปั่น ดื่มรับประทาน ลดอาการท้องอืดเฟ้อ และอาหารไม่ย่อย ช่วยดับกระหายคลายร้อน และช่วยรักษาโรคแผลร้อนใน
พันธุ์มะเขือเทศที่เป็นที่นิยม
- มะเขือเทศเชอร์รี่ (Cherry Tomato) มะเขือเทศเชอร์รี่ มีชื่ออื่น ๆ อีกว่า Baby Tomato และมะเขือเทศราชินี เป็นมะเขือเทศที่มีขนาดเล็กที่สุด สาเหตุที่เรียกว่ามะเขือเทศเชอร์รี่เนื่องด้วยขนาดผลที่เล็ก และมีสีแดงจัดเหมือนผลเชอร์รี่ แต่แท้จริงมะเขือเทศราชินีมีผลสีเหลืองด้วยเช่นกัน รสชาติและกลิ่นเข้มข้นกว่ามะเขือเทศชนิดอื่น ๆ แต่เนื้อน้อย รสชาติเปรี้ยวอมหวาน เมื่อสุกจัดจะนิ่มและหวานมากกว่าเปรี้ยว
- มะเขือเทศสีดา (Srida Pink Egg Tomato) มะเขือเทศสีดาเป็นมะเขือเทศที่พบเห็นได้ง่ายในประเทศ เป็นพันธุ์ที่นิยมปลูกและนิยมรับประทาน โดยรสชาติของมะเขือเทศสีดาจะมีแดงอมชมพู รสชาติมีความจืดและเปรี้ยวเป็นหลัก กลิ่นมะเขือเทศไม่แรง เนื้อสัมผัสค่อนข้างแข็งจึงไม่เหมาะกับอาหารที่ต้องการกลิ่นและรสชาติของมะเขือเทศมากนัก
- มะเขือเทศเนื้อสีแดง (Red Tomato) มะเขือเทศพันธุ์สีเนื้อเป็นมะเขือเทศขนาดกลาง ค่อนไปทางใหญ่ เป็นมะเขือเทศที่หาซื้อได้ง่าย และพบเห็นบ่อยตามร้านค้าทั่วไป ผลสุกมีสีแดงเข้ม มีเนื้อและน้ำมาก มีกลิ่นมะเขือเทศค่อนข้างแรง เป็นที่นิยมในหลายพื้นที่ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ และเป็นพันธุ์ที่นิยมนำไปแปรรูปในอุตสาหกรรมอาหารด้วย
- มะเขือเทศอิตาลี (Italian Tree Tomato) มะเขือเทศอิตาลีเป็นมะเขือเทศที่มีลำต้นสูงใหญ่ มีพันธุ์ย่อยหลากหลายสายพันธุ์ ออกผลดก ผลมีสีแดงสด ลูกใหญ่ มีรอยหยักเล็กน้อย เนื้อของมะเขือเทศมีความแน่น ไม่นิ่มเละและยุ่ย รสชาติมีเอกลักษณ์เฉพาะ เพราะปลูกในพื้นที่ภูเขาไฟ ซึ่งถือว่าเป็นดินที่มีคุณภาพดี ประกอบกับอุณหภูมิที่เหมาะสม ทำให้มะเขือเทศอิตาลีมีรสชาติหวานอร่อย
วิดีโอเกี่ยวกับมะเขือเทศ