ลูกเนียง หรือ มะตึ่ง เป็นผักพื้นบ้านของภาคใต้ มีลักษณะเป็นฝักยาว ผิวขรุขระ เปลือกแข็ง เมล็ดสีขาว รสชาติหวานกรอบ ลูกเนียงมีสรรพคุณทางยาหลายอย่าง เช่น แก้ร้อนใน ขับปัสสาวะ แก้ท้องเสีย แก้ปวดท้อง บำรุงธาตุ บำรุงกำลัง บำรุงสายตา บำรุงผิวพรรณ เป็นต้น

ลูกเนียงนิยมนำมาประกอบอาหารหลายอย่าง เช่น แกงพุงปลา แกงไตปลา แกงเหลือง แกงเขียวหวาน แกงเผ็ด แกงเลียง ผัดเผ็ด ยำ น้ำพริก ขนมหวาน เป็นต้น

ลูกเนียงเป็นผักที่มีประโยชน์และอร่อย หารับประทานได้ง่ายในภาคใต้ นิยมรับประทานในช่วงฤดูฝนซึ่งเป็นช่วงที่ลูกเนียงมีรสชาติดีที่สุด

ลักษณะของต้นลูกเนียง

ต้นลูกเนียงเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก สูงประมาณ 3-5 เมตร ลำต้นมีเนื้อไม้แข็ง เปลือกสีน้ำตาลอ่อน ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก เรียงตรงข้าม ใบย่อยมี 3-4 คู่ ใบย่อยรูปรีหรือรูปไข่ ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ ดอกออกเป็นช่อ ดอกสีขาว ผลเป็นฝักแบน ยาวประมาณ 10-20 เซนติเมตร ฝักอ่อนสีเขียว ฝักแก่สีน้ำตาล เมล็ดมีสีขาว ฝักอ่อนนิยมนำมารับประทานเป็นผัก ฝักแก่นิยมนำไปต้มหรือย่างรับประทานเป็นอาหารว่าง

การปลูกต้นลูกเนียง

การปลูกต้นลูกเนียง

การปลูกต้นลูกเนียงสามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้

  1. การเพาะเมล็ด

การเพาะเมล็ดเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด สามารถทำได้โดยนำเมล็ดลูกเนียงมาเพาะในถุงเพาะชำหรือกระถาง รดน้ำให้ชุ่ม วางไว้ในที่ร่มรำไร ประมาณ 2-3 สัปดาห์ เมล็ดจะงอกเป็นต้นกล้า เมื่อต้นกล้าสูงประมาณ 10-15 เซนติเมตร ก็สามารถย้ายปลูกลงแปลงได้

  1. การตอนกิ่ง

การตอนกิ่งเป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็วกว่าการเพาะเมล็ด สามารถทำได้โดยเลือกกิ่งที่มีความยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร ตัดกิ่งให้เป็นรูปตัว T ลอกเปลือกไม้ออกเล็กน้อย ทาด้วยฮอร์โมนเร่งราก เสียบลงในแปลงเพาะชำที่เตรียมไว้ รดน้ำให้ชุ่ม วางไว้ในที่ร่มรำไร ประมาณ 2-3 สัปดาห์ กิ่งจะออกราก เมื่อกิ่งมีรากแข็งแรงดีแล้ว ก็สามารถย้ายปลูกลงแปลงได้

  1. การปักชำ

การปักชำเป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็วที่สุด สามารถทำได้โดยเลือกกิ่งที่มีความยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร ตัดกิ่งให้เป็นรูปตัว T ลอกเปลือกไม้ออกเล็กน้อย ปักกิ่งลงในแปลงเพาะชำที่เตรียมไว้ รดน้ำให้ชุ่ม วางไว้ในที่ร่มรำไร ประมาณ 2-3 สัปดาห์ กิ่งจะออกราก เมื่อกิ่งมีรากแข็งแรงดีแล้ว ก็สามารถย้ายปลูกลงแปลงได้

ต้นลูกเนียงชอบดินร่วนปนทราย ระบายน้ำดี ชอบแสงแดดปานกลาง ทนแล้งได้ดี การปลูกต้นลูกเนียงควรปลูกในช่วงฤดูฝน ต้นลูกเนียงจะออกดอกและติดผลในช่วงฤดูร้อน ฝักลูกเนียงจะแก่และเก็บเกี่ยวได้ในช่วงฤดูฝน

การดูแลต้นลูกเนียง รดน้ำให้ชุ่มสม่ำเสมอ ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักทุกเดือน กำจัดวัชพืชและตัดแต่งกิ่งที่เป็นโรคหรือแห้งตาย ต้นลูกเนียงจะเจริญเติบโตได้ดีและออกดอกติดผลดก

ประโยชน์ของลูกเนียง

  • อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน เกลือแร่ และไฟเบอร์
  • แก้ร้อนใน ขับปัสสาวะ แก้ท้องเสีย แก้ปวดท้อง
  • บำรุงธาตุ บำรุงกำลัง บำรุงสายตา บำรุงผิวพรรณ
  • ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันโรคมะเร็ง
  • ป้องกันโรคหัวใจ
  • ป้องกันโรคเบาหวาน
  • ป้องกันโรคความดันโลหิตสูง
  • ป้องกันโรคนิ่ว
  • ป้องกันโรคเกาต์
  • ป้องกันโรคอ้วน
  • ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานเป็นปกติ
  • ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานเป็นปกติ
  • ช่วยให้ระบบประสาททำงานเป็นปกติ
  • ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานเป็นปกติ
  • ช่วยให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง
  • ช่วยให้ผมแข็งแรง
  • ช่วยให้เล็บแข็งแรง

วิธีรับประทานลูกเนียง

  • ลูกเนียงสามารถรับประทานได้ทั้งแบบสดและแบบปรุงสุก
  • ลูกเนียงสดนิยมนำมาแกง ยำ จิ้มน้ำพริก
  • ลูกเนียงสุกนิยมนำมาต้ม ทอด ผัด

ข้อสรุป

ลูกเนียงเป็นผักที่มีประโยชน์และอร่อย หารับประทานได้ง่ายในภาคใต้ นิยมรับประทานในช่วงฤดูฝนซึ่งเป็นช่วงที่ลูกเนียงมีรสชาติดีที่สุด อย่างไรก็ตาม ห้ามรับประทานลูกเนียงดิบ เพราะอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดท้อง ปวดศีรษะ และคลื่นไส้อาเจียน

วิธีดับกลิ่นปากเมื่อทานลูกเนียง

ลูกเนียงเป็นผักที่มีกลิ่นฉุน ซึ่งอาจทำให้ผู้ที่รับประทานมีกลิ่นปากได้ ต่อไปนี้เป็นวิธีดับกลิ่นปากเมื่อทานลูกเนียง

  • แปรงฟันและบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากหลังรับประทานอาหาร
  • รับประทานผลไม้ที่มีกลิ่นหอม เช่น แอปเปิ้ล ฝรั่ง มะม่วง มะละกอ
  • อมลูกอมหรือหมากฝรั่ง
  • ดื่มน้ำเปล่าให้มาก
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีกลิ่นฉุน เช่น กระเทียม หัวหอม ปลาร้า
  • ล้างปากด้วยน้ำเกลือ

ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับเพิ่มเติมในการดับกลิ่นปาก

  • แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
  • ใช้ไหมขัดฟันวันละครั้ง
  • บ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากอย่างน้อยวันละครั้ง
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีกลิ่นฉุน เช่น กระเทียม หัวหอม ปลาร้า
  • ดื่มน้ำเปล่าให้มาก
  • รักษาสุขภาพช่องปากให้สะอาด
  • พบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำ