รู้ยังว่าตอนนี้ในแหล่งน้ำบ้านเรามีปลาแปลกๆ มาอาศัยอยู่ด้วยนะ ชื่อว่า “ปลาหมอคางดำ” ฟังชื่อแล้วก็งงๆ ใช่มั้ยล่ะ มันเป็นปลาต่างถิ่นที่มาจากอเมริกาใต้ แต่ดันมาเป็นปัญหาในบ้านเราซะงั้น วันนี้เรามาทำความรู้จักกับปลาตัวนี้กันดีกว่า!

ปลาหมอคางดำ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Sarotherodon melanotheron นะ ถ้าเห็นตัวจริงๆ จะสังเกตได้ง่ายมาก เพราะมันมีลักษณะเด่นคือ มีคางสีดำเข้มนั่นเอง ตัวมันมีสีเทาอมเขียว ลำตัวแบนข้าง หัวโต ปากเล็ก ที่สำคัญคือมันโตได้ถึง 30 เซนติเมตรเลยนะเว้ย!

แล้วมันมาอยู่ในไทยได้ยังไงล่ะ? เรื่องมันมีอยู่ว่า… ปลาพวกนี้ถูกนำเข้ามาเพาะเลี้ยงในฟาร์มปลาสวยงามตั้งแต่ปี 2550 แต่ด้วยความที่มันเป็นปลาที่แข็งแรงมาก ทนทานสภาพแวดล้อมได้หลากหลาย เลยหนีออกมาจากฟาร์มได้ แถมยังแพร่พันธุ์เร็วอีกต่างหาก ไม่นานก็เลยกระจายไปทั่วแหล่งน้ำธรรมชาติซะงั้น

ตอนนี้เจ้าปลาหมอคางดำนี่มันไปอยู่ในแหล่งน้ำหลายที่แล้วนะ ทั้งในภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ของไทย โดยเฉพาะในจังหวัดสมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด สงขลา และปัตตานี ถ้าใครอยู่แถวนั้นระวังหน่อยนะ อาจจะเจอมันได้!

แล้วทำไมปลาตัวนี้ถึงเป็นปัญหาล่ะ? ก็เพราะว่ามันเป็นปลาที่กินจุมากๆ กินได้ทั้งพืชและสัตว์ ไม่เว้นแม้แต่ไข่และลูกปลาชนิดอื่น ทำให้มันแย่งอาหารและทำลายระบบนิเวศในแหล่งน้ำ นอกจากนี้ มันยังแพร่พันธุ์ไวมาก ทำให้จำนวนประชากรของมันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แย่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำพื้นถิ่น

ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ปลาหมอคางดำนี่มันทนต่อมลพิษในน้ำได้ดีมาก อยู่ได้ทั้งในน้ำจืดและน้ำกร่อย ทนอุณหภูมิได้กว้าง แถมยังอึดสุดๆ สามารถมีชีวิตอยู่ในน้ำที่มีออกซิเจนต่ำได้ด้วย เรียกว่าเป็นปลาสายอึดจริงๆ

แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะทีนี้? ทางการเขาก็พยายามแก้ปัญหานี้อยู่นะ มีการรณรงค์ให้คนจับปลาหมอคางดำมากินแทนที่จะปล่อยกลับลงน้ำ แต่ก็ยังไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ เพราะคนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยรู้จักปลาชนิดนี้

นี่แหละ เรื่องราวของปลาหมอคางดำ ปลาเอเลี่ยนที่มารุกรานแหล่งน้ำบ้านเรา ถ้าใครเจอปลาพวกนี้ในแหล่งน้ำธรรมชาติ ก็ช่วยแจ้งเจ้าหน้าที่ด้วยนะ หรือถ้าจับได้ก็เอามาทำอาหารซะเลย ได้ทั้งช่วยกำจัดปลาต่างถิ่น แถมยังได้กินของอร่อยอีกต่างหาก

ความเป็นมา: จากแอฟริกาสู่ไทย

ที่จริงแล้วปลาหมอคางดำนี่มันมีถิ่นกำเนิดในแอฟริกาตะวันตกนะ ไม่ใช่อเมริกาใต้อย่างที่เราเข้าใจกันผิดๆ มา มันอาศัยอยู่ในแม่น้ำและทะเลสาบแถวไนจีเรีย กานา โกตดิวัวร์ เซเนกัล แล้วทำไมมันถึงมาอยู่ในไทยได้ล่ะ?

เรื่องมันเริ่มตั้งแต่ปี 2530 แล้วนะ ตอนนั้นมีการนำเข้าปลาหมอคางดำมาเพื่อทดลองเลี้ยงในบ่อน้ำกร่อย โดยหวังว่าจะเป็นปลาเศรษฐกิจตัวใหม่ แต่ปรากฏว่ามันไม่ได้รับความนิยมในการบริโภคเท่าไหร่ เลยเอามาเลี้ยงเป็นปลาสวยงามแทน

ทีนี้ด้วยความที่มันเป็นปลาที่ปรับตัวเก่งมาก มันเลยหนีออกจากฟาร์มได้ง่ายๆ บางทีก็มีคนปล่อยลงแหล่งน้ำธรรมชาติด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ สุดท้ายมันก็เลยกระจายพันธุ์ไปทั่วประเทศไทยอย่างที่เห็นในตอนนี้

ผลกระทบต่อระบบนิเวศ: แพร่พันธุ์ไวยิ่งกว่าปลาหางนกยูง!

ปลาหมอคางดำนี่มันร้ายกาจมากนะเว้ย! มันแพร่พันธุ์ไวกว่าปลาหางนกยูงอีก คิดดูสิว่ามันน่ากลัวขนาดไหน ปลาตัวเมียหนึ่งตัวสามารถวางไข่ได้ถึง 300-400 ฟองต่อครั้ง และวางไข่ได้หลายครั้งต่อปี แถมพ่อแม่ปลายังช่วยกันเลี้ยงลูกอ่อนอีกต่างหาก ทำให้อัตราการรอดของลูกปลาสูงมาก

ที่แย่ไปกว่านั้นคือ มันกินได้ทุกอย่างจริงๆ ทั้งพืชน้ำ แมลง ไข่ปลา ลูกปลาชนิดอื่น ไปจนถึงซากสัตว์ เรียกว่ากินได้หมดจดเลย ทำให้มันแย่งอาหารและทำลายประชากรปลาพื้นถิ่นอย่างหนัก

ยกตัวอย่างเช่น ในทะเลสาบสงขลา ปลาหมอคางดำได้เข้าไปแทนที่ปลาดุกทะเลซึ่งเป็นปลาพื้นถิ่นที่สำคัญ ทำให้ชาวประมงจับปลาดุกทะเลได้น้อยลงมาก ส่งผลกระทบต่อรายได้ของชาวประมงพื้นบ้านอย่างหนัก

นอกจากนี้ ปลาหมอคางดำยังทำลายพืชน้ำด้วยการกินรากและต้นอ่อน ทำให้แหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำอื่นๆ ถูกทำลายไปด้วย เรียกว่ามันเป็นตัวทำลายระบบนิเวศแบบครบวงจรเลยล่ะ

มาตรการควบคุม: สู้กับปลาเอเลี่ยน!

ทีนี้เรามาดูกันว่าเขาจัดการกับปลาหมอคางดำยังไงบ้าง มีหลายวิธีเลยนะ:

  1. ใช้ปลานักล่า: มีการทดลองปล่อยปลากดเหลืองซึ่งเป็นปลากินเนื้อพื้นถิ่นของไทยลงไปในแหล่งน้ำที่มีปลาหมอคางดำชุกชุม หวังว่าปลากดเหลืองจะช่วยควบคุมประชากรปลาหมอคางดำได้ แต่ก็ต้องระวังไม่ให้เกิดปัญหาใหม่จากการใช้ปลานักล่านะ
  2. รณรงค์ให้จับมากิน: หน่วยงานรัฐพยายามส่งเสริมให้ประชาชนจับปลาหมอคางดำมาบริโภค มีการจัดทำเมนูอาหารจากปลาชนิดนี้ เช่น ปลาหมอคางดำทอดกระเทียม แกงส้มปลาหมอคางดำ เพื่อสร้างมูลค่าและลดจำนวนประชากรปลาในธรรมชาติ
  3. การกำจัดโดยตรง: ในบางพื้นที่มีการใช้วิธีจับปลาหมอคางดำออกจากแหล่งน้ำโดยตรง เช่น ใช้อวนลาก หรือใช้กระแสไฟฟ้าช็อต แต่วิธีนี้ต้องทำอย่างระมัดระวังเพราะอาจส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำชนิดอื่นด้วย
  4. ควบคุมการเพาะเลี้ยง: มีการออกกฎระเบียบควบคุมการเพาะเลี้ยงปลาหมอคางดำอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้มันหลุดรอดลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติอีก
  5. ให้ความรู้ประชาชน: จัดกิจกรรมให้ความรู้แก่ชุมชนเกี่ยวกับผลกระทบของปลาต่างถิ่น และรณรงค์ไม่ให้ปล่อยปลาลงแหล่งน้ำตามความเชื่อ

แต่ถึงจะมีมาตรการมากมายขนาดนี้ การกำจัดปลาหมอคางดำให้หมดไปจากแหล่งน้ำธรรมชาติก็ยังเป็นเรื่องยากอยู่ดีนะ เพราะมันแพร่พันธุ์เร็วและทนทานมากๆ

สรุปก็คือ ปลาหมอคางดำนี่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าทำไมเราถึงต้องระวังเรื่องสัตว์ต่างถิ่น มันอาจจะดูไม่มีพิษภัยตอนแรก แต่พอปล่อยออกไปแล้วมันสร้างปัญหาใหญ่โตได้จริงๆ

เราทุกคนมีส่วนช่วยได้นะ อย่าปล่อยสัตว์เลี้ยงลงแหล่งน้ำเด็ดขาด แล้วก็ช่วยกันสอดส่องดูแลแหล่งน้ำใกล้บ้านด้วย ถ้าเจอปลาแปลกๆ ก็แจ้งเจ้าหน้าที่ได้เลย ร่วมมือร่วมใจกัน เราก็จะช่วยรักษาระบบนิเวศของบ้านเราไว้ได้!