มะยงชิด และ มะปรางหวาน นั้นอยู่ในวงศ์เดียวกัน คือ วงศ์เงาะ (Anacardiaceae) แต่อยู่ในสกุลที่แตกต่างกัน คือ มะปรางอยู่ในสกุล Bouea ส่วนมะยงชิดอยู่ในสกุล Mangifera โดยมะยงชิดนั้นได้รับการพัฒนามาจากมะปรางสายพันธุ์หนึ่งที่มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว
ความแตกต่างระหว่างมะยงชิด และ มะปรางหวาน
- ต้นกำเนิด:
- มะยงชิด: มีต้นกำเนิดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศไทย, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, และบรูไน.
- มะปรางหวาน: มีต้นกำเนิดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและเวียดนาม แต่มีการปลูกทั่วโลกในสถานที่ที่มีอากาศร้อน.
- ลักษณะของผล:
- มะยงชิด: มีขนาดเล็กถึงกลาง มีเปลือกหนาและสีม่วงเข้ม ภายในมีเนื้อสีขาวและจัดอยู่เป็นหลายชั้น มะยงชิดมีรสชาติหวานและเปรี้ยวอ่อน นับเป็นผลไม้ที่อร่อยและหรูหรา.
- มะปรางหวาน: มีขนาดใหญ่กว่ามะยงชิด มีเปลือกที่บางและสีส้มสด ภายในมีเนื้อสีส้มหวานเปรี้ยว มะปรางหวานมักถูกบรรจุในช่องอาหารและนำมาทำน้ำส้มเพื่อดื่มหรือใช้ในอาหาร.
- นิยมในอาหาร:
- มะยงชิด: มะยงชิดมักถูกบริโภคสดๆ หรือนำมาทำเป็นน้ำมะยงชิด นอกจากนี้ยังมีการใช้มะยงชิดในอาหารและเครื่องปรุงรสในหลายอาหารในทวีปเอเชีย.
- มะปรางหวาน: มะปรางหวานมักถูกบริโภคเป็นผลไม้สดหรือน้ำส้มมะปรางหวาน นอกจากนี้ยังมีการใช้มะปรางหวานในอาหารและเครื่องปรุงรสในอาหารต่างๆ.
สายพันธุ์มะปรางและมะยงชิด
มะปรางและมะยงชิดเป็นผลไม้ที่มีหลายสายพันธุ์หรือความหลากหลายทางพันธุกรรม เพื่อความชัดเจน นี่คือบางสายพันธุ์ที่รู้จักในทั้งสองผลไม้:
มะปราง (Citrus × sinensis):
- สายพันธุ์นาวา (Navel): มะปรางนาวาเป็นสายพันธุ์ที่มีโคนผลที่คล้ายธำมรงค์หรือรูปร่างที่เหมือนสะดือมนุษย์ เนื้อมะปรางนาวาหวานและน้ำในมะปรางมาก.
- สายพันธุ์แวเลนเชีย (Valencia): มะปรางแวเลนเชียมีลักษณะคล้ายมะปรางนาวาแต่มีรสชาติหวานกว่าและเหมาะที่นำมาทำน้ำส้ม.
มะยงชิด (Garcinia mangostana):
- สายพันธุ์เบสท์ (Best): มะยงชิดเบสท์มีขนาดใหญ่และเปลือกหนา มีเนื้อมะยงชิดสีขาวและเปรี้ยวหวาน.
- สายพันธุ์กัฟฟู (Guffu): มะยงชิดกัฟฟูมีขนาดเล็กกว่าและเปลือกบางกว่าสายพันธุ์เบสท์ มีรสชาติหวานและเปรี้ยว.
- สายพันธุ์แอลบิโน (Albino): มะยงชิดแอลบิโนมีเนื้อสีขาวและเปลือกบาง มีรสชาติหวานและเปรี้ยว.
การปลูกและการปฏิบัติดูแลรักษามะปรางและมะยงชิด
การปลูกและดูแลรักษามะปรางและมะยงชิดต้องพิจารณาและดูแลเรื่องต่างๆ เช่น สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม, การให้น้ำ, การดูแลต้นไม้, การป้องกันโรคและแมลง ดังนี้:
การปลูกมะปรางและมะยงชิด:
- เลือกสถานที่: ให้เลือกสถานที่ที่มีแสงแดดเพียงพอและมีระบบระบายน้ำดี ทั้งสองชนิดของผลไม้นี้ต้องการแสงแดดเต็มร้อย.
- เตรียมดิน: ปรับปรุงดินให้เหมาะสมโดยใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกเก่าลงในหลุมปลูก.
- การเพาะเมล็ดหรือต้นกล้า: สามารถเริ่มต้นด้วยต้นกล้าหรือต้นเล็กที่ซื้อมา หรือเพาะเมล็ดโดยใส่เมล็ดลงในกระถางหรือถาดเพาะเมล็ด.
- ระยะห่างระหว่างต้น: ให้ปลูกต้นที่ระยะห่างเหมาะสม ประมาณ 6-8 ฟุตระหว่างต้นเพื่อให้มีพื้นที่ในการขยายลำต้น.
การดูแลรักษามะปรางและมะยงชิด:
- การให้น้ำ: ให้น้ำให้มะปรางและมะยงชิดให้ชุ่มตลอดปี น้ำนั้นเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างผลไม้ที่มีคุณภาพ.
- การให้ปุ๋ย: ให้ปุ๋ยสม่ำเสมอ เริ่มต้นด้วยปุ๋ยสูตรเสมอ 14-14-14 หรือ 15-15-15 และให้ปุ๋ยเสริมทางดินและทางใบตามความจำเป็นตลอดฤดูกาล.
- การตัดแต่งกิ่ง: ตัดแต่งกิ่งที่เสียหายหรือโคนให้ต้นสะอาด และส่วนที่เหลือให้มีระยะห่างเพียงพอ.
- การป้องกันโรคและแมลง: ตรวจสอบต้นไม้เป็นระยะๆ เพื่อตระหนักถึงการระบาดของโรคหรือแมลง และป้องกันหรือรักษาตามความจำเป็น สารเคมีหรือวิธีการอินทรีย์เป็นตัวเลือกที่มีอยู่.
- การเก็บเกี่ยว: เก็บผลไม้เมื่อสุกเหมาะ การเก็บเกี่ยวที่เหมาะสมจะช่วยให้ผลไม้มีรสชาติและคุณภาพดี.
- การหมักปุ๋ย: การใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์เพื่อบำรุงดินและต้นไม้เป็นระยะๆ จะช่วยให้มะปรางและมะยงชิดเติบโตแข็งแรง.
- การตรวจสอบพืชที่ปลูก: ตรวจสอบต้นไม้ทุกสัปดาห์เพื่อตระหนักถึงปัญหาและแก้ไขตามความจำเป็น.
ประโยชน์ของมะปรางและมะยงชิด
มะปรางและมะยงชิดเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการและมีประโยชน์สำหรับสุขภาพมากมาย นี่คือบางประโยชน์ของมะปรางและมะยงชิด:
มะปราง:
- แหล่งวิตามิน C: มะปรางมีปริมาณวิตามิน C สูง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันและช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเช่นหวัดและไข้หวัดใหญ่.
- สารต้านอนุมูลอิส: มะปรางมีสารแอนทิออกซิแดนท์ที่ช่วยลดการทำลายของอนุมูลอิสในร่างกาย ซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและมะเร็งได้.
- ใช้ในอาหารและเครื่องปรุงรส: มะปรางมักนำมาใช้ในอาหารเป็นผลไม้สดหรือน้ำมะปราง และใช้ในเครื่องปรุงรสในอาหารได้.
- สารสกัดจากเปลือกมะปราง: เปลือกมะปรางมีสารสกัดที่อาจมีประโยชน์ในการรักษาโรคและการบำบัดในการวิจัยเร็วๆ นี้.
มะยงชิด:
- แหล่งสารต้านอนุมูลอิส: มะยงชิดมีสารต้านอนุมูลอิสที่ช่วยป้องกันร่างกายจากความเสี่ยงต่อโรคร้ายต่างๆ และช่วยลดอาการอักเสบ.
- ช่วยในการลดน้ำหนัก: มะยงชิดมีคุณสมบัติที่ช่วยกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ซึ่งอาจช่วยในการลดน้ำหนัก.
- แหล่งวิตามิน C: เช่นเดียวกับมะปราง มะยงชิดก็เป็นแหล่งวิตามิน C ที่มีปริมาณสูง.
- ช่วยในการยับยั้งการเกิดมะเร็ง: สารสกัดจากมะยงชิดอาจช่วยในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งในการวิจัย.
- ใช้ในอาหารและเครื่องปรุงรส: มะยงชิดมักนำมาใช้ในอาหารสด น้ำมะยงชิด หรือเครื่องปรุงรสในอาหาร.
หมายเหตุ: ควรบริโภคมะปรางและมะยงชิดในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อรักษาสุขภาพและไม่ควรบริโภคมากเกินไป เนื่องจากสารหนักแน่นในผลไม้นี้อาจมีผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหารในบางกรณี และควรปฏิบัติความสนใจในการบริโภคหากมีโรคร้ายหรือภาวะสุขภาพเฉพาะบุคคล.